ประวัติความเป็นมา

ประวัติความเป็นมา

ประวัติและผลงานของราชวิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย

  งานการแพทย์ในสาขาประสาทศัลยศาสตร์ ซึ่งหมายถึงการรักษาผ่าตัดโรคของสมองไขสันหลังและเส้นประสาทเริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้สิ้นสุดลง และศาสตราจารย์ นพ.อุดม โปษะกฤษณะ ผู้ที่ประสาทศัลยแพทย์ไทยยกย่องให้เป็นบิดาแห่งประสาทศัลยแพทย์ ได้กลับมาปฏิบัติราชการในโรงพยาบาลศิริราช ได้เริ่มการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยทั้งทางทางศัลยศาสตร์และประสาทศัลยศาสตร์ หลังจากปฏิบติงานได้ระยะหนึ่ง ท่านอาจารย์อุดมผู้ซึ่งมีวิสัยทัศน์ในกว้างไกล เล็งเห็นว่าเพื่อประโยชน์ของการสาธารณสุขไทย จำเป็นต้องพัฒนาความรู้ในการผ่าตัดด้านประสาทศัลยศาสตร์เพิ่มเติม ดังนั้นในปี พ.ศ.๒๔๙๖ ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อกับนายแพทย์ Harrack และ นายแพทย์ Poppen ที่ Lahey Clinic ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังไปศึกษากับ นายแพทย์ Olivacrona ที่ประเทศสวีเดน และได้กลับมาก่อตั้งหน่วยประสาทศัลยศาสตร์แห่งแรกขึ้นในประเทศไทยที่ รพ.ศิริราช ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ เพื่อให้สามารถบริการผู้ป่วยและพัฒนาด้านวิชาการ รวมทั้งการเรียนการสอนของแพทย์และนักศึกษาแพทย์เฉพาะสาขา ประสาทศัลยศาสตร์แยกจากศัลยศาสตร์สาขาอื่น

 ต่อมาศาสตราจารย์ นพ.จรัส สุวรรณเวลา ผู้ที่ได้รับทุนพระราชทานอานันทมหิดลเป็นคนแรกของประเทศ ศาสตราจารย์ นพ.วิชัย บำรุงผล, ศาสตราจารย์ นพ.สิระ บุณยะรัตเวช และ ศาสตราจารย์ นพ.รุ่งธรรม ลัดพลี ได้ทยอยกันเดินทางกลับจากการศึกษาต่อด้านประสาทศัลยศาสตร์จากต่างประเทศ และได้ร่วมกันพัฒนางานด้านประสาทศัลยศาสตร์เพิ่มขึ้น ทั้งงานศึกษา วิจัย การประสานงานวิชาการกับนานาประเทศ และการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสาขาประสาทศัลยศาสตร์ ยังผลให้การรักษาพยาบาล และวิชาการด้านประสาทศัลยศาสตร์ ของประเทศไทยเจริญขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง

 บรรดาประสาทศัลยแพทย์ซึ่งยังมีจำนวนไม่มากนักในขณะนั้น ได้ทำงานร่วมกับ ศัลยแพทย์สาขาต่างๆ เพื่อพัฒนาการสาธารณสุขไทย จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๑๘ แพทยสภาได้อนุมัติให้ก่อตั้งวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยโดยออกข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วย “วิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๑๘” ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๙๒ ตอนที่ ๙๙ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๘ บรรดาสมาชิกศัลยแพทย์สาขาต่าง ๆ ได้คัดเลือกให้ ศาสตราจารย์ นพ.อุดม โปษกฤษณะ เป็นประธานวิทยาลัยฯ ท่านแรก ศาสตราจารย์ นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นเลขาธิการ  ศาสตราจารย์ นพ.รุ่งธรรม ลัดพลี เป็นเหรัญญิก และ ศาสตราจารย์ นพ.วิชัย บำรุงผล เป็นผู้แทนกลุ่มประสาทศัลยแพทย์ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๒๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้รับวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้ชื่อว่า “ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย” นับเป็นราชวิทยาลัยทางการแพทย์แห่งแรกของไทย โดยในขณะนั้นศาสตราจารย์นพ.รุ่งธรรม ลัดพลี ได้เขียนบทความ เรื่อง ความฝันอันสูงสุด “กำเนิดราชวิทยาลัยศัลยแพทย์” ลงในหนังสือการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๒๓ ความตอนหนึ่งว่า “การเป็นราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ เป็นความฝันอันสูงสุดของพวกเรา เพราะเราเป็นประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แน่นอนที่สุดเราคงไม่หยุดเพียงแค่นี้ เราได้ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยแล้ว ก็ยังต้องดำเนินการต่อไป นั่นคือการบำเพ็ญประโยชน์ในสังคมของเรา ด้วยความรู้ ความชำนาญทางศัลยศาสตร์ยิ่งๆ ขึ้นไปนอกเหนือจากการสร้างบ้านและครอบครัวของเราแล้ว“

 นับแต่นั้นเป็นต้นมาเหล่าประสาทศัลยแพทย์ก็ได้ร่วมดำเนินการปฏิบัติงานและพัฒนางานตามที่ได้รับมอบหมายจากแพทยสภาและราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ในหลายด้านๆ อาทิเช่น การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน เพื่อเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาประสาทศัลยศาสตร์ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๓ จวบจนปัจจุบัน มีสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านที่ผ่านการประเมินและรับรองจากแพทยสภาแล้วทั้งสิ้น ๘ สถาบันทั่วประเทศ สามารถผลิตแพทย์ประจำบ้าน หลักสูตร ๕ ปีให้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางประสาทศัลยศาสตร์จำนวน ๒๘ คนต่อปี

            กลุ่มประสาทศัลยแพทย์ได้ร่วมจัดงานประชุมวิชาการต่างๆ ทั้งที่จัดร่วมกัราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย การจัดเพื่อการสอนแพทย์ประจำบ้าน การประชุมของประสาทศัลยแพทย์ในประเทศ  การจัดและการเข้าร่วมการประชุมของประสาทศัลยแพทย์นานาชาติ ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติมากขึ้นเป็นลำดับ

           ต่อมาเนื่องจากมีความจำเป็นในการติดต่อและประสานงานกับนานาประเทศเฉพาะในกลุ่มประสาทศัลยแพทย์ทั่วโลก จำเป็นต้องมีองค์กรเฉพาะสาขาเช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ ดังนั้น ในปี พ.ศ.๒๕๒๘ เหล่าประสาทศัลยแพทย์จึงได้ร่วมกันก่อตั้ง สมาคมประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ขึ้น โดยสมาชิกได้คัดเลือก ให้ ศาสตราจารย์ นพ.สิระ บุณยะรัตเวช เป็นนายกสมาคมฯ เป็นท่านแรกในวาระปี พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๓๐ โดยมีศาสตราจารย์ นพ.รุ่งธรรม ลัดพลีเป็นอุปนายก และได้รับการคัดเลือกให้เป็น นายกสมาคมฯ ท่านที่ ๒ ในวาระปี พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๓๒ โดยสมาคมประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์ต่างๆ กล่าวคือ

  1. ส่งเสริมการศึกษา วิชาการ การวิจัย และการประกอบวิชาชีพด้านประสาทศัลยศาสตร์
  2. เสริมสร้าง ความสามัคคี และผดุงเกียรติของสมาชิก
  3. ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่สังคมในด้านประสาทศัลยศาสตร์
  4. เป็นผู้แทนประสาทศัลยแพทย์ในประเทศไทยในการติดต่อกับประสาทศัลยแพทย์ทั่วโลก

จากการที่มีสมาคมประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ทำให้การดำเนินงานในด้านความร่วมมือทางวิชาการ และการสร้างความสัมพันธ์กับสถาบันแพทย์เฉพาะทางสาขาประสาทศัลยศาสตร์ในต่างประเทศ องค์กรแพทย์สาขาอื่นๆ ทั้งไทย และนานาชาติ เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก โดยสมาคมฯ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหพันธ์ประสาทศัลยแพทย์โลก (World Federation of Neurological Surgeons) และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก Asian–Australasian Neurosurgical Association และ ASEAN Neurosurgical Association โดยคณะกรรมการอำนวยการของสมาคมฯ และสมาชิกหลายท่านได้เข้าร่วมประชุมทั้งด้านวิชาการ ธุรการ นำเสนอผลงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์วิชาชีพ และทักษะการผ่าตัดในการประชุมวิชาการด้านประสาทศัลยศาสตร์ทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังจัดให้มีการจัดประชุมวิชาการร่วมระหว่างสมาคมประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยกับสมาคมประสาทศัลยแพทย์แห่งเยอรมัน ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๔ เป็นประจำทุก ๒ ปี ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และมีความสนิทสนมจนสามารถส่งประสาทศัลยแพทย์ไปศึกษาดูงาน ณ ประเทศเยอรมันได้ทุกปี

 จากผลการปฏิบัติงานที่ได้กระทำอย่างต่อเนื่องของอดีตผู้บริหารประสาทศัลยแพทย์อาวุโสและมวลสมาชิกประสาทศัลยแพทย์ไทย แพทยสภาจึงได้อนุมัติให้ก่อตั้งวิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ตามข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วย “วิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๐”   ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๕ ตอนพิเศษ ๑๖ง  เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๑

โดยแพทยสภาให้วิทยาลัยมีภาระหน้าที่ดังต่อไปนี้

(๑) ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากแพทยสภา ในการฝกอบรมและสอบเพื่อเปนผูมี

ความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาประสาทศัลยศาสตร์

(๒) กำหนดและควบคุมมาตรฐานทางวิชาการในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของประสาทศัลยแพทย์ในประเทศไทย รวมทั้งสอดส่องดูแลและส่งเสริมความประพฤติและจริยธรรมในการ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของสมาชิก

(๓) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และแนะแนววิชาการ สาขาประสาทศัลยศาสตร์

(๔) จัดการประชุมทางวิชาการ การศึกษาต่อเนื่อง และกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับสมาชิก

(๕) เป็นศูนย์กลางการติดต่อและแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ และกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกับราชวิทยาลัย วิทยาลัย สมาคมหรือชมรมต่าง ๆ ในวิชาชีพเวชกรรม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

(๖) ส่งเสริมและผดุงเกียรติของสมาชิก

(๗) ส่งเสริมและสร้างความเข้าใจอันดีงามและความสามัคคีในหมู่สมาชิก และระหว่าง สมาชิก กับแพทย์สาขาวิชาอื่น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

(๘) จัดหาทุนและผลประโยชน์อื่น ๆ เพื่อใช้ในกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของวิทยาลัย รวมทั้งเพื่อการศึกษาและวิจัยในสาขาประสาทศัลยศาสตร์และศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง

(๙) เผยแพร่ความรู้ทางประสาทศัลยศาสตร์ อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและวิชาชีพเวชกรรม

(๑๐) ออกระเบียบต่าง ๆ ของวิทยาลัย ทั้งนี้โดยไม่ขัดกับพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม และข้อบังคับของแพทยสภา

(๑๑) รายงานกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ ของวิทยาลัยต่อแพทยสภาเป็นประจำปีหรือตามที่แพทยสภาขอให้รายงาน  โดยภายในกรอบภารกิจที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว วิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยก็ได้ดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของแพทยสภาเช่นเดียวกับทั้ง ๑๓ ราชวิทยาลัย

    วิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย มีแผนงานการจัดประชุมวิชาการ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวาระมหามงคลสมัยที่ทรงมีพระชนมายุ ๘๔ พรรษา ร่วมกับ สหพันธ์ประสาทศัลยแพทย์โลก (WFNS) และสมาคมประสาทศัลยแพทย์แห่งอาเซียน โดยจัดประชุมที่ จังหวัดภูเก็ต ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ และในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔ จะจัดประชุมวิชาการร่วมระหว่าง วิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย กับ สมาคมประสาทศัลยแพทย์แห่งเยอรมัน ร่วมกันอีกที่ จังหวัด Karlsruhe ประเทศสหพันธ์รัฐเยอรมัน ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติของวิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยในปี ๒๕๕๔ 

            ผลงานพิเศษอื่นๆ

            บรรดาประสาทศัลยแพทย์ในประเทศไทย ต่างร่วมสร้างผลงานเพื่อประชาชน และเฉลิมพระเกียรติโดยเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ในหลายโอกาส หลายวาระเสมอมา อาทิเช่น

  1. โครงการศัลยแพทย์อาสา โดยร่วมกับราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย โครงการศัลยแพทย์อาสา เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๘ โดยในตลอดช่วงเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ/หรือสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ แปรพระราชฐานไปประทับแรมเพื่อทรงเยี่ยมราษฎรในภาคต่างๆ ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย จะจัดคณะศัลยแพทย์สาขาต่างๆ รวมทั้งประสาทศัลยแพทย์  วิสัญญีแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลภาครัฐทุกสังกัด ได้แก่ รพ.ศิริราช,    รพ.จุฬาลงกรณ์, รพ.รามาธิบดี รพ.พระมงกุฎเกล้า รพ.ภูมิพลอดุลยเดช รพ.วชิระ รพ.เลิดสิน รพ.ราชวิถี รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ รพ.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น เป็นต้น ไปช่วยผ่าตัดรักษาผู้ป่วยที่ รพ.ค่ายกาวิละ เชียงใหม่ รพ.จังหวัดสกลนคร และ รพ.จังหวัดนราธิวาส  ซึ่งเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย โดยผู้ป่วยและครอบครัวไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ลดการส่งต่อผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ไปรักษาตัวที่กรุงเทพมหานคร และลดภาระของศัลยแพทย์ประจำจังหวัด อีกทั้งยังเตรียมการหากเกิดภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุหมู่ โดยวิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยได้จัดประสาทศัลยแพทย์ ที่สังกัดโรงพยาบาลต่างๆ เข้าร่วมปฏิบัติงานทุกครั้งที่ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยร้องขอ จนปัจจุบันโครงการนี้ก็ยังคงมีการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
  2. งานในหน่วยแพทย์ประจำพระองค์ และแพทย์ในขบวนเสด็จฯ ประสาทศัลยแพทย์หลายท่านได้เข้าร่วมถวายงาน ทั้งในหน่วยแพทย์ประจำพระองค์  และร่วมเป็นแพทย์ในขบวนเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ ตลอดมา อาทิเช่น ศาสตราจารย์ นพ.อุดม โปษะกฤษณะ      ศาสตราจารย์ นพ. จรัส สุวรรณเวลา ศาสตราจารย์ นพ.รุ่งธรรม ลัดพลี      รองศาสตราจารย์   นพ.มานิต  สุชาตานนท์      นพ.  คำพร     ชาญวิเศษ   นพ.วทัญญู  ปรัชญานนท์               นพ.สุรชัย เคารพธรรม       นพ.ภากร     ภาวิจิตร   นพ.สิรรุจน์ สกุลณะมรรคา   นพ.ยอดรัก  ประเสริฐ เป็นต้น

 นอกเหนือจากภารกิจหลัก ที่วิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยได้รับมอบหมายจากแพทยสภาและภารกิจพิเศษต่างๆแล้ว ประสาทศัลยแพทย์ในประเทศไทยทุกคน ต่างล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงที่ทรงมีต่อมวลพสกนิกร และต่างพร้อมปวารณาตน เพื่อโดยเสด็จฯ ร่วมสร้างผลงานเพื่อประชาชน และจักคงไว้ซึ่งความจงรักภักดี เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ในทุกโอกาสตลอดไป